วันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2557

Las Vegas & Grand Canyon

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ทุกคน

หายหน้าไปนานเนื่องจากมัวแต่ยุ่งอยู่กับงาน วันนี้พอมีเวลาเลยนำเอาทริปเที่ยวที่ Las Vegas มาลงรูปให้เพื่อนๆ ได้ชมกัน เผื่อเป็นไกด์สำหรับใครที่วางแผนจะไปเที่ยว Las Vegas ค่ะ



ภาพนี้ถ่ายบนเครื่องค่ะ ใกล้ถึง McCarran International Airport แล้วค่ะ วิวสวยมาก...




วันแรกใน Las Vegas 

ภายในสนามบิน McCarran ค่ะ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะไม่พลาดที่จะถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกตรงจุดนี้







ออกจากสนามบินมานั่ง Airport Bus ไปรับรถที่เช่าอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ค่ะ ไม่ค่อยยุ่งยากถามเจ้าหน้าที่แถวนั้นเขาจะบอกค่ะ 
ได้เจ้าคันนี้มาค่ะ ตอนจองไม่ใช่รุ่นนี้ แต่ก็โอเคเท่และเครื่องแรงดีค่ะ แก้ขัดกันไป หุ หุ




ทริปนี้พักที่ THEHotel ใกล้กับโรงแรม Mandalay Bay ห้องนี้เรียกว่าห้อง THEsuite มาดูภายในห้องนะค่ะ










สังเกตุว่าห้องน้ำมีทีวีให้ด้วยค่ะ...สุดยอด




อ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ น้ำไหลแรงดีค่ะ ส่วนตัวเป็นคนชอบแช่ในอ่างอาบน้ำมากค่ะ ทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น 
แต่อาบเสร็จใหม่ๆ เหงื่อโชกเลยค่ะ แต่แค่แป๋บเดียวเพราะที่นี้อากาศมันหนาวค่ะ




หลังจากเก็บข้าวของ อาบน้ำอาบท่าแล้ว ก็ได้เวลาตลุยราตรีออกไปเปิดหูเปิดตาดูบ้านเมืองเขาให้เต็มตา ตามมาเลยค่ะ






มารอดูน้ำพุเล่นดนตรีที่ตึก Bellagio ค่ะ เสียดายไม่มีรูปตอนโชว์น้ำพุ คนแน่นมากค่ะเลยถ่ายไม่ได้




หลังจากชมโชว์น้ำพุเสร็จก็เดินไปเรื่อยๆ ค่ะ พอดีเห็นโรงแรม Aria ก็เลยแวะเข้าไปเดินเล่น




ก่อนกลับโรงแรมแวะหาอะไรทานค่ะ ไม่อยากทานอะไรหนักท้อง ก็เลยสั่ง Chocolate lava มา อร่อยดีค่ะสำหรับจานนี้ 





---------------------------------

วันที่ 2 ใน Las Vegas



ตื่นมาตอนเช้าแบบไม่เร่งรีบ นั่งทานกาแฟ ดูทีวีไปพลางๆ แล้วก็ได้เวลาที่จะต้องเตรียมตัวไปเที่ยวต่อ 
แต่กองทัพต้องเดินด้วยท้องค่ะ อิ อิ ไม่งั้นเที่ยวไม่สนุก


อาหารเช้ามื้อนี้ที่ร้าน the café ชั้นล่างของโรงแรมค่ะ ต้องโทรไปจองก่อนนะค่ะ ไม่งั้นรอคิวนานม้ากกกก

จานนี้เป็นครัวซองต์ไข่ + เบคอนทอด + ชีส มี Hash Brown อร่อยมากค่ะ



ดื่มช็อคโกแลตร้อนแล้วค่อยยังชั่ว ที่นี้ใส่วิปครีมให้เลยค่ะ 





ทานเสร็จแล้วก็นั่งรถแท็กซี่ไปที่ Ceasar Palace ค่ะ ง่ายดี 












เดินไปเดินมาหิว เลยต้องหาอะไรทานแก้เหนื่อยค่ะ เจอร้านนี้ค่ะ ได้ยินว่าดังมาก 
ชื่อร้าน Spago ของ Wolfgang Puck รอคิวอยู่ประมาณ 30 นาทีค่ะ




เมนูที่สั่งจานนี้เป็นเนื้อค่ะ แต่จำชื่อภาษาอังกฤษไม่ได้ ทานคู่กับไวน์ขาวที่ทางร้านแนะนำมาอร่อยมากเลยทีเดียว 




เดินเที่ยวเสร็จ กลับโรงแรมมานั่งเล่นตู้เกมชิลๆ ใส่ไป 10 ดอล ได้คืนมา 30.55 ดอล สรุปว่าได้กำไร 20.55 ดอล 
ว้าว....อยากได้อย่างนี้ทุกคืนจัง สงสัยโชคดีเฉพาะคืนแรกที่เล่นหรือเปล่า 555






แลกเงินเรียบร้อยแล้วก็เดินสบายใจเฉิบกลับห้อง คืนนี้เป็นคืนที่โชคดีของ จขกท. 
พูดแล้วก็รีบอาบน้ำเข้านอน เพราะพรุ่งนี้ต้องเดินทางออกจากโรงแรมแต่เช้า เพราะต้องขับรถไปที่ Grand Canyon

---------------------------------


วันที่ 3 ออกเดินทางสู่ Grand Canyon








ออกเดินทางด้วยรถเช่าคันนี้ค่ะ ตอนนี้มาได้เกือบครึ่งทางแล้วค่ะ ตรงนี้เป็นจุดชมวิว




ทางเข้าสู่ Grand Canyon 




หุ หุ ได้มาแค่รูปเดียว บอกตรงหนาวมากค่ะ หนาวจนไม่อยากเที่ยวเลยค่ะ...พูดแล้วก็เศร้า




พักค้างคืนที่โรงแรม Canyon Plaza Resort 1 คืนค่ะ หนาวไม่หนาวก็ติดลบ 8 เลยละค่ะ บรื้อสสสสสสสสส





---------------------------------


วันที่ 4 กลับ Las Vegas
















ขากลับแวะทานอาหารไทยที่ร้าน Weera ใน Las Vegas ค่ะ ที่ร้านนี้มีเดลิเวอรี่ด้วยค่ะแต่ต้องไม่เกิน 5 ไมล์ 
จขกท. เลยขอนามบัตรมาเผื่อเอาไว้





ก๋วยเตี๋ยวเรือเส้นเล็กเนื้อ ชามนี้ใหญ่มาก รสชาติเข้มข้น เนื้อนุ่ม 
ถูกปากสำหรับคนไทยอย่างเรามากค่ะ สนนราคา USD9.50





ข้าวเหนียวมะม่วงจานนี้ ข้าวแข็งไปนิด มะม่วงเปรี้ยวไปหน่อย 
แต่ก็ถือว่าดีกว่าหลายที่ๆ ทานมาค่ะ ราคาจำไม่ได้ค่ะ ไม่น่าเกิน USD10





ทานเสร็จขับรถกลับโรงแรม นอนพักผ่อนเอาแรงแป๊ปเดียวค่ะ แล้วก็อาบน้ำเตรียมตลุยกลางคืนต่อค่ะ


เรานั่งรถไฟฟ้าจากโรงแรมที่พักไปยัง Luxor Hotel แป๊ปเดียวถึงค่ะ 
ประตูทางเข้าด้านหน้ามีรูปปั้น Sphinx ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้านบน




บรรยากาศด้านใน Luxor Hotel ค่ะ







ร้านที่ จขกท. นั่งเรียกว่าร้าน TENDER steak & seafood ค่ะ Cocktail ที่นี่จะตกแก้วละ USD12





จานนี้เรียกว่า hearts of romaine & baby romaine “Caesar” ราคา USD10 ค่ะ 





จานนี้จำชื่อไม่ได้ค่ะ แต่เจ้าตัวไม่ค่อยปลื้มเพราะรู้สึกว่ามันเค็ม





ทานอาหารเสร็จก็ซื้อตั๋วเข้าชม Bodies The Exhibition 
ราคาตั๋วสำหรับผู้ใหญ่ USD32 เพราะถ้าดูก่อนทานคงกินไม่ลงแน่ค่ะ 





บรรยากาศภายใน Luxor Hotel




-------------------------------

วันที่ 5 



มื้อเช้าวันนี้ จขกท. มาทานที่ร้าน Citizens Kitchen & Bar ชั้นล่างของโรงแรมเหมือนเดิม 



จานนี้ Egg Benedict & Ham ค่ะ มี Hash Brown เป็นเครื่องเคียง 




วันนี้จะไปเที่ยวที่ Stratosphere และ The Venetian ก็เลยต้องเดินลัดเลาะผ่านโรงแรม Mandalay Bay 
เพื่อที่จะมาขึ้นแท็กซี่ที่นี่่ค่ะ เห็นวิวสวยๆ แล้วอดไม่ได้ที่จะนำมาแบ่งปันเพื่อนๆ 



Excalibur Hotel



New York New York Hotel 




ทางเข้า Stratosphere ค่ะ 




บัตรราคาใบละ USD18 ค่ะ




บรรยากาศด้านบนค่ะ จะเห็นวิวของเมือง Las Vegas ไปจนสุดลูกหูลูกตาเลยค่ะ 
ตึกสีทองที่เห็นอยู่ไกลๆ เป็นตึก Trump ค่ะ




เครื่องเล่นสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบความหวาดเสียวค่ะ 
แต่งานนี้ จขกท. ต้องขอบายค่ะ กลัวหัวใจจะวายตายเสียก่อนจะได้กลับ 555






หลังจากทีขึ้นไปชมวิวที่ Stratosphere เสร็จแล้วก็ได้เวลาเดินทางไป The Venetian โดยแท็กซี่ค่ะ

ตามทางเราก็จะเห็นโรงแรมขนาดใหญ่สวยๆ ทั้งนั้นค่ะ ภาพข้างล่างนี้เป็น Wynn Hotel ค่ะ รูปทรงสวยงามจริงๆ 




The Palazzo 




บรรยากาศภายนอก The Venetian ค่ะ



บรรยกาศด้านในของ The Venetian จะทำเป็นคลองไว้สำหรับเรือ Gondola คนพายก็จะร้องเพลงให้เราฟังด้วยค่ะ 
ถ้าไม่ติดรอคิวก็อยากจะลองนั่งดูเหมือนกัน แต่เห็นคิวที่ยืนรอแล้วใจออกค่ะ 







ลานอาหารที่สามารถนั่งทานไปด้วยดูเรือ Gondola ไปด้วยค่ะ


ได้เวลาอาหารเที่ยงแล้วค่ะ ร้าน Otto Enoteca Pizzeria ค่ะ ตอนที่เข้าไปคนเยอะมาก 




จานนี้เรียกว่า Angel Hair Pasta กับ Tomato Sauce 
เส้นของเขาจะเล็กมาก นุ่มเหนียว ตั้งแต่กินสปาเก็ตตี้มาชอบเส้นร้านนี้มากค่ะ 




จานนี้ Pizza หน้าอะไรจำไม่ได้เลยค่ะ แต่จานใหญ่กินได้ 2 คนค่ะ



ทานเสร็จก็เดินเล่นให้อาหารย่อยค่ะ แล้วก็มาเจอรูปปั้น จริงๆ แล้วเป็นคนค่ะ เดินเข้าไปใกล้ๆ ถึงรู้ 




ทางเดินก็จะมีเพดานทีมีภาพวาดที่สวยงามมากค่ะ



เสร็จแล้วก็นั่งแท็กซี่กลับไปที่โรงแรม เพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไปดูโชว์ Cirque du Soleil - KA 
ต้องขอโทษด้วยค่ะไม่มีรูปมาให้ดูเพราะเขาห้ามถ่ายรูปค่ะ
แต่เพื่อนๆ สามารถดูตัวอย่างโชว์ได้ที่ Youtube ตามลิงค์ข้างล่างนี้เลยค่ะ 
บอกได้คำเดียวค่ะว่าเป็นโชว์ที่สุดยอดและน่าประทับใจมากๆ ค่ะ


หลังจากดูโชว์เสร็จแล้ว กลับมาถึงที่พักเกิดอาการหิวอย่างแรงเลยต้องสั่งอาหารจาก Room Service ของโรงแรมนี้ค่ะ 
ราคาก็โอเคค่ะ ถ้าเทียบกับคุณภาพและปริมาณ เพราะมาแต่ละจานมีแต่ใหญ่ๆ แบบกินได้ 2-3 คนทีเดียวค่ะ


บอกตรงๆ ว่าจำชื่อไม่ได้ น่าจะเรียกว่าสลัดอกไก่ย่างสไตล์เอเชียนนะค่ะ ผักสดมากค่ะ แต่น้ำสลัดหวานเกินไป 




จานนี้เรียกว่า Chicken Nachos ค่ะ อร่อยเค็มๆ มันๆ ชีสเยอะดีค่ะ ชอบมาก 



ของหวานที่ชอบมาก จานนี้ Strawberry Cheesecake อร่อยในระดับหนึ่ง แต่ยังไงก็สู้ Cheesecake Factory ไม่ได้ค่ะ ชัวร์ 




ถ่ายมาให้ดูทั้งเซตเลยค่ะ สำหรับมื้อเย็นที่โรงแรม





ผ่านไปอีก 1 คืน ที่ Las Vegas ประทับใจมากค่ะ 
กินอิ่มแล้ว หนังตาก็ย่อน ประกอบกับเที่ยวทั้งวัน ขอตัวไปนอนพักผ่อนก่อนนะค่ะ 


-------------------------------

วันที่ 6 ใน Las Vegas

เช้านี้ตื่นสายมากค่ะ ก็เลยรวมข้าวเช้ากับข้าวเที่ยงเป็นมื้อเดียวกัน 
จากโรงแรมที่พักไปร้านอาหารไทย Weera ขับรถผ่านป้ายโรงแรม Bellagio ค่ะ





เนื่องจากกินอาหารอินเตอร์มาหลายวันแล้ว ท้องใส้เริ่มปั่นป่วน เลยขับรถไปทานอาหารไทยที่ร้านวีระร้านเดิมค่ะ 
ขาดไม่ได้คือส้มตำไทย ที่นี่เขาตำได้อร่อยมากเลยค่ะ ราคาจานละ USD9.95 




เมนูเซตสำหรับตอนเที่ยงเท่านั้นค่ะ ในเซตจะน้ำซุปต้มยำถ้วยเล็กให้ด้วยค่ะ เซตนี้ราคาอยู่ที่ USD8.99 ค่ะ




จากนั้นก็ขับไปที่ Premium Out Let North ที่นี่จะมี North กับ South แต่วันแรกไป South แรกไม่ค่อยประทับใจค่ะ 
เที่ยวนี้เลยลองมา North ดู สรุปว่าที่ North คนเยอะมากค่ะ ของน่าซื้อทั้งนั้น เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปไว้มัวแต่เดินช้อปค่ะ

กว่าจะช้อปเสร็จก็โพล้เพล้แล้ว เลยขับรถกลับมาที่โรงแรม เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำอาบท่า พักผ่อนเล็กน้อย 
แล้วก็ได้เวลาไปดินเนอร์กันค่ะ....

คืนนี้เรานั่งรถไฟฟ้าไปที่ Excalibur Hotel ค่ะ ร้านอาหารนี้ชื่อว่า Steak House at Camlot บรรยากาศดีทีเดียวค่ะ

พนักงานเสริฟขนมปังมาให้รองท้องก่อนค่ะ ยอมรับว่าขนมปังและเนยที่นี่เขาอร่อยมาก




จานนี้เป็นเมนูเรียกน้ำย่อยเรียกว่า Pan Seared Maryland Crab Cakes 
สนนราคาอยู่ที่ USD19  อร่อยมากค่ะ เพราะว่าเนื้อปูนี้ไม่หวงกันเลยทีเดียว




จานนี้เรียกว่า Lobster Bisque ราคาจานละ USD9




สุดท้ายและท้ายสุดตบท้ายกันด้วย Vanilla Bean Crème Brûlée
with fresh berries ไม่หวานมาก มันนิดหน่อยกำลังดี สุดยอดค่ะ



--------------------------------

วันที่ 7 ใน Las Vegas


ตื่นสายเหมือนเดิมค่ะ วันนี้นั่งแท็กซี่ไป Ceasar Palace 
เพื่อที่จะหาซื้อเสื้อผ้าและรองเท้าเอาไว้ใส่ไปดูคอนเสิร์ต Maroon 5 ในคืนวันที่ 31 ธันวาค่ะ

ใช้เวลานานเหมือนกันค่ะสำหรับการหารองเท้าบู๊ทราคาถูก เพราะที่นี่มีแต่ของแบรนด์เนมทั้งนั้น 
หลังจากได้ของตามที่ต้องการแล้ว ก็มานั่งทานข้าวเที่ยงที่ Cheesecake Factory ค่ะ 
จานนี้เรียกว่า Thai Lettuce Wraps ถูกปากคนไทยนักแล พอแก้ขัดไปได้อีกวัน แต่ยังไงก็ยังคิดถึงส้มตำอยู่ 555




ใครที่มา Cheesecake Factory แล้วไม่สั่ง Cheesecake ก็กะไรอยู่นะ จขกท.เลยจัด Strawberry Cheesecake มาตามคำเรียกร้อง 
โดยส่วนตัวแล้ว จขกท. เป็นคนที่ปลื้ม Cheesecake Factory อยู่แล้วค่ะ 
ถ้าไปที่ไหนแล้วมี Cheesecake Factory จะต้องรีบตรงดิ่งไปหาเลยค่ะ 
เคยคิดสงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมไม่ขายที่ไทย




หลังจากอิ่มแล้ว ก็เดินย่อยสักพัก แล้วออกมาหาแท็กซี่ต่อไปยัง Treasure Island เพื่อที่จะไปร้าน Gilley's Saloon 
เป็นร้านสไตล์คาวบอยค่ะ ถึงแม้ว่าจะอิ่มอยู่ แต่ถ้าไม่สั่งอะไรเลยก็กะไรอยู่ค่ะ 
ก็เลยสั่ง Baby Back Ribs (Half Rack) ราคา USD19.95 
จานนี้เนื้อนุ่มเคี้ยวง่าย ถ้าไม่อิ่มมาก่อนหน้านั้นแล้วคงดี 555


ร้านนี้จะมีวงนักร้องค่ะ แล้วก็จะให้แขกที่อยู่ในร้านออกมาเต้นสไตล์คาวบอยได้ น่าสนุกมากค่ะ 
จขกท. ยังอยากจะไปเต้นกับเขาเลยถ้าไม่ติดว่ามีถุงกระดาษจากการไปช้อปมาแบบพรุงพรัง 
ส่วนวัวตัวนี้ใครอยากลองต้องเสียเงินค่ะ แต่ถ้าอยู่บนวัวได้ตามเวลาที่เขากำหนดก็ไม่ต้องจ่ายค่ะ  ดูไปหัวเราะไปค่ะ



ผ่านไปอีกหนึ่งค่ำคืนที่แสนจะสนุกสนาน....


---------------------------------

วันที่ 8 ใน Las Vegas
เซตนี้เป็นมื้อเช้าจาก Room Service ของโรงแรมค่ะ ทานเสร็จแล้วก็พักผ่อนตามอัธยาศัยในห้องพักสุดหรู 
แช่ในอ่างอาบน้ำแบบชิลๆ ไปค่ะ เพราะต้องเก็บแรงไว้ดูคอนเสิร์ต Maroon 5 เย็นนี้ 
และต้องเตรียมแพ็คกระเป๋ากลับด้วยค่ะ 





ก่อนไปดูคอนเสิร์ตต้องให้ท้องอิ่มเสียก่อนค่ะ ไม่งั้นหิวแย่เดี๋ยวเต้นไม่หนุก 
เลยมาแวะที่ The Noodle Shop ที่ Mandalay Bay

จานนี้เป็นผัดเนื้อ ไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่ค่ะ 



จานนี้เป็นปอเปี๊ยทอด รสชาติใช้ได้ค่ะ




และแล้วก็มาถึงวันที่รอคอย ตื้นเต้นมากค่ะ ไม่คิดว่าจะได้มีโอกาสได้ชมคอนเสิร์ตศิลปินที่ดังระดับโลกเลยทีเดียว



ตอนจองบัตรแล้วระบุที่นั่งไม่คิดว่าจะใกล้กับเวทีขนาดนี้ พอมาถึงดีใจมากค่ะ ได้ที่นั่งดีทีเดียว




บรรยากาศในห้อง Mandalay Bay Event Center ก่อนที่จะเริ่มคอนเสิร์ตคนกำลังทยอยเข้ามาค่ะ




ในที่สุด จขกท. ก็ได้มีโอกาสเห็นผู้ชายที่ได้ขึ้นชื่อว่าเซ็กซี่ที่สุดในโลก อย่าง Adam Levine ตัวเป็นๆ ก็คราวนี้ละค่ะ 
บอกตรงๆ หัวใจแทบละลาย อิ อิ 






ชมคอนเสิร์ตเสร็จก็ได้เวลามาดินเนอร์ในค่ำคืนที่แสนโรแมนติกก่อนวันปีใหม่ที่ร้านอาหาร Strip Steak มีทั้งหมด 5 คอร์สด้วยกันค่ะ 
ราคาอยู่ที่ USD125 ต่อคนค่ะไม่รวมเครื่องดื่มนะค่ะ 




เมนูอาหารที่นี่ถือว่าทันสมัยมากค่ะ สามารถดูใน Ipad ที่ตั้งไว้ที่โต๊ได้เลยค่ะ ข้อดีคือเราสามารถเห็นหน้าตาของอาหารที่เราจะสั่ง 




เริ่มด้วยคอร์สแรก เรียกว่า Golden Osetra Caviar

ปกติ จขกท. ไม่ค่อยชอบอาหารสดประเภทนี้อยู่แล้วค่ะ แต่ที่นี้สด หวาน บีบมะนาวนิดหน่อยก็โอเคค่ะ 3 ชิ้นกำลังดี มากกว่านี้ไม่ไหวแน่ค่ะ 




คอร์สที่ 2 เรียกว่า Seared Diver Scallops

จานนี้ออกเค็มไปหน่อยค่ะ เลยทานไม่หมด จริงๆ แล้วอาหารของทางอเมริกาแทบทุกร้านนะค่ะจะออกเค็มนิดๆ 




คอร์สที่ 3 เรียกว่า Australian Wagyu Short Rib

สำหรับจานนี้เนื้อหยุ่ยละมุนปากดีค่ะ รสชาติออกเค็มนิดๆ เสียดายทานไม่หมดอีกละเหลือตั้งครึ่งจาน




คอร์สที่ 4 เรียกว่า Gold Label Wagyu Filet Mignon

จานนี้บอกได้เลยว่า เป็นเนื้อที่ดีที่สุดตั้งแต่เคยกินสเต็กมา เพิ่งรู้ว่าเนื้อมันละลายในปากก็คราวนี้เองค่ะ 
ถ้าได้ซอสมะเขือเทศสักนิดก็คงดี  มีมันบด (Mashed Potato) กับผักโขมเป็นเครื่องเคียงค่ะ




คอร์สที่ 5 คอร์สสุดท้าย เรียกว่า Golden Apple Crumble

เป็นของหวานที่กำลังนิยมกันมากในตอนนี้ ด้านบนท็อปปิ้งจะเป็นไอศกรีม และมี Crumble อยู่ด้านบนแอปเปิ้ล 
ลักษณะของแอปเปิ้ลเหมือนกันหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วกวนด้วยเนยและน้ำตาลค่ะ




กินเสร็จก็ได้เวลา 6 ทุ่ม เข้าปีใหม่ 2014 พอดีค่ะ ทุกคนในร้านอาหารต่างลุ้นและนับ 3...2...1...0 ไปพร้อมๆ กับทีวีที่ทางร้านเปิดไว้ 
แล้วพูดพร้อมๆ กันว่า Happy New Year 2014!!


หลังจากที่ได้ผ่านปีเก่าเข้าสู่ปีใหม่แล้ว ก็ได้เวลากลับมานอนเอาแรงที่ห้อง 
เพราะพรุ่งนี้ต้องเดินทางกลับ และต้องเอารถที่เช่าไปคืนแต่เช้าค่ะ


--------------------------------------


วันที่ 9 ลาก่อน Las Vegas แล้วเจอกันใหม่


ก่อนกลับขอมาแชะภาพที่เป็นสัญลักษณ์ของที่นี่เลยค่ะ พลาดไม่ได้ทีเดียวไม่งั้นเดี๋ยวเขาจะหาว่ามาไม่ถึง Las Vegas 555






จบการนำเสนอเท่านี้ค่ะสำหรับทริปนี้ พบกันใหม่ทริปหน้านะค่ะ 

ขอบคุณค่ะ

Bye Bye...Las Vegas!