Love Life Happy: กุมภาพันธ์ 2014

วันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Sea Sand Sun Resort & Spa

วันนี้พาเพื่อนมาชมโรงแรม Sea Sand Sun Resort & Spa ที่พัทยาค่ะ

โรงแรม Sea Sand Sun Resort & Spa อยู่ทางไปสัตหีบค่ะ

ถ้าจะมาก็ขับมาตามแผนที่ได้เลยค่ะ

มาชมห้องพักกันเลยนะค่ะ ห้องนี้เป็นห้อง Deluxe Pavilion Villa ค่ะ

ที่นอนและหมอนโรงแรมนี้ อยู่ในเกณฑ์ดีทีเดียวค่ะ

หมอนจะเป็นหมอนขนเป็ด ส่วนที่นอนไม่แข็งและไม่นุ่มจนเกินไป กำลังพอดี

ทีวีจอขนาดเล็กไปหน่อย มีเครื่องเล่นดีวีดีด้วยค่ะ

ผลไม้ตามฤดูกาลให้ผู้เข้าพักทานฟรีค่ะ

มินิบาร์ภายในห้องพักตกแต่งดูดีใช้ได้ทีเดียวค่ะ

มีระเบียงภายนอกเอาไว้นั่งชมวิวด้านนอก

ทางเดินลงไปชายหาดปกคลุมไปด้วยต้นไม้นานาชนิด

ให้ความรู้สึกร่มรื่นดีมากเลยค่ะ

ระหว่างทางมีเจ้าดอก Bird Paradise สีแดงขึ้นเต็มไปหมด ดูสวยระรานตามากค่ะ

ปกติเป็นคนชอบ Bird Paradise อยู่แล้วค่ะ เลยขอเก็บภาพสวยๆ มาฝากเพื่อนๆ สักรูป

สระว่ายน้ำของโรงแรมอยู่หน้าหาดเลยค่ะ

ว่ายไปด้วยมองท้องฟ้าและทะเลไปด้วย ยังกับสวรรค์บนดินเลยค่ะ

โรงแรมนี้มีชายหาดส่วนตัวค่ะ ตอนที่ไปพนักงานของโรงแรมกำลังทำซุ้มดินเนอร์สำหรับคู่บ่าวสาว

น่าสนใจทีเดียวค่ะ

สำหรับใครที่ชอบอาบแดด มานั่งเล่นนอนเล่นตรงนี้ตามสบายเลยค่ะ แดดดีทีเดียว

โรงแรมนี้มีจัดซุ้มดินเนอร์ให้สำหรับคู่รักที่ต้องการดินเนอร์ส่วนตัว โรแมนติกมากค่ะ

ราคาในการให้บริการจัดซุ้มอยู่ที่ 1,500 บาทค่ะ

ทางโรงแรมจัดซุ้มให้เสร็จ แต่พอดีพายุเข้าเลยอดค่ะ แต่ไม่ต้องเสียดายเงินค่าจัดซุ้มนะค่ะ

เพราะทางโรงแรมไม่คิดค่าบริการเนื่องจากมันเป็นเหตุสุดวิสัยค่ะ ใจดีจัง

กะว่าจะได้ดินเนอร์ในบรรยากาศสุดแสนจะโรแมนติก...อดเลยเรา

ส่วนอาหารเช้าโรงแรมนี้อร่อยมากค่ะขอบอก โดยเฉพาะเบเกอรี่ แต่เสียดายลืมถ่ายรูป มัวแต่ตะกละอยู่ค่ะ 555

วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

วันนี้พามารีวิวร้าน The Glass House ค่ะ จริงๆ ร้านนี้มาหลายครั้งแล้ว ประทับใจบรรยากาศและก็อาหาร แต่ข้อเสียที่มาทีไรก็เจอคือเรื่องพนักงานเสริฟค่ะ แต่อย่างว่าค่ะอาศัยว่าบรรยากาศนี้ อาหารอร่อยทีเหลือก็อย่าคิดอะไรมาก 555

----------------------------------------------------

มาดูกันค่ะว่าบรรยากาศที่นี่จะสวยสักแค่ไหน

ดูเรื่องบรรยากาศไปเรียบร้อย มาดูเรื่องของอาหารกันบ้างนะค่ะ

ประเดิมจานแรกด้วย "Ceasar Salad" ค่ะ

รสชาติอร่อยทีเดียว น้ำสลัดอร่อยมากค่ะ

จานนี้เรียกว่า "ปลาแซลมอนแช่น้ำปลา"

รสแซ่บอย่าบอกใครเลยทีเดียวค่ะ

จานถัดไปก็ยังเป็นแซลมอนอีกค่ะ จานนี้เรียกว่า "ลาบปลาแซลมอน"

เขาบอกว่ากินปลาแล้วจะฉลาด เลยสั่งแต่ปลากันใหญ่ 555

จบของคาวก็ต้องตามด้วยของหวานค่ะ จานนี้อร่อยมาก
ทานแล้วติดใจเลยค่ะ แต่จำชื่อไม่ได้ค่ะ

เป็นแผ่นคล้ายแผ่นโรตีบางๆ ห่อกล้วยหอม ราดด้วยไซรัป

ทานพร้อมวานิลลาไอศรีม...สุดยอด

ไปคราวนี้ลืมถ่ายรูปเครื่องดื่มมา ที่นี่สตรอเบอรี่มิลค์เชคอร่อยดีค่ะ

เดี๋ยวคราวหน้าจะมารีวิวเพิ่มเติมนะค่ะ

วันนี้ของส่งท้ายด้วยบรรยากาศสวยๆ จาก The Glass House Pattaya ค่ะ

วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ร้านอาหารประภาคาร

วันนี้มารีวิวร้านอาหารประภาคารกันนะค่ะ

ร้านนี้อยู่แถวชายหาดบ้านอำเภอ ขับรถมาทางตลาดน้ำสี่ภาค เส้นสุขุมวิท ไปทางสัตหีบ โซนเดียวกันกับร้านริมผา ลาพิณ และร้านเดอะวิวค่ะ

บรรยากาศที่ร้านนี้ดีมากเลยค่ะ ยิ่งช่วงประมาณ 4-5 โมงเย็นนะค่ะ พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าสวยมากเลยค่ะ มีกังหันลมสูงตระหง่านตั้งอยู่หน้าชายหาด

มาดูเรื่องอาหารกันบ้างนะค่ะ จานนี้เรียกว่า "ขนมปังผักโขมอบชีส"

อร่อยมากค่ะ มาทีไรสั่งจานนี้เป็นประจำราคาประมาณ 150 บาท

ขนมปังผักโขมอบชีส

จานต่อมาเรียกว่า "ปอเปี๊ยะใส้ผักโขมห่อชีสทอด"

อร่อยพอๆ กันกับขนมปังผักโขมอบชีสเลยค่ะ ยิ่งจิ้มกับน้ำจิ้มที่เสริฟมาพร้อมกัน เข้ากันได้เป็นอย่างดีทีเดียวค่ะ

ปอเปี๊ยะใส้ผักโขมห่อชีสทอด

ส่วนจานนี้จำชื่อไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวไปอีกวันไหนจะมาเพิ่มชื่อนะค่ะ

รสชาติใช้ได้เหมือนกันค่ะ แต่ปกติไม่ชอบทานหอยเท่าไหร่ค่ะ

ส่วนจานนี้เป็น "ก้ามปูนึ่ง" ค่ะ สด อร่อย อืมชอบม้ากกกก

ยิ่งจิ้มกับน้ำจิ้มนะค่ะ แซ่บเว่อร์ค่ะ

จานต่อมา "ปลากระพงทอดราดน้ำปลา" เสียดายลืมถ่ายรูปน้ำจิ้ม อิอิ

ขาดไม่ได้เลยค่ะ "ข้าวผัดปู" อืม...เนื้อปูเนื้อแน่นมากค่ะ อร่อยมาก

ขาดไม่ได้คือ พริกน้ำปลา ช่วยเพิ่มรสชาติขึ้นเยอะเลยค่ะ

วันนี้รีวิวแค่นี้ก่อนนะค่ะ เดี๋ยวจะมาอัฟเดทใหม่ บายค่ะ

วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

วีซ่าท่องเที่ยวอเมริกา

สวัสดีผู้ที่เข้ามาอ่านบล็อกทุกคนนะค่ะ

ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนว่าไม่ใช่ผู้ที่มีความชำนาญในเรื่องการขอวีซ่า เพียงแค่นำประสบการณ์จริงในการขอวีซ่าอเมริกามาเล่าให้ฟังเท่านั้นค่ะ จริงๆ แล้วการขอวีซ่าอเมริกาวิธีการไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด ที่อยากก็คงเรื่องการสัมภาษณ์เท่านั้นเองค่ะ

ในการที่เราจะเดินทางเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาได้ต้องทำเรื่องขอวีซ่ากับทางสถานฑูตอเมริการก่อนนะค่ะ ในที่นี่จะพูดถึงวีซ่าท่องเที่ยว หรือเรียกกันว่า "B2" ซึ่งเป็นวีซ่าชั่วคราว (Non Immigrant Visa) เท่านั้นนะค่ะ

อันดับแรกเลยต้องกำหนดวันเดินทางไปและกลับให้แน่นอนก่อนค่ะ (ควรอยู่ในช่วง 2-3 สัปดาห์ เพราะหากนานเกินไป อาจถูกปฏิเสธวีซ่าได้ค่ะ) เมือง หรือรัฐที่เราจะไป ที่พักว่าจะพักที่ไหน เพราะข้อมูลพวกนี้เราต้องกรอกลงไปในแบบฟอร์ม DS-160 ด้วยค่ะ จากนั้นเราก็สามารถดำเนินการทางด้านเอกสารได้เลยค่ะ

ขั้นตอนในการขอวีซ่าท่องเที่ยว ประเทศสหรัฐอเมริกา มีดังนี้ค่ะ

1. ไปถ่ายรูปที่ร้าน ถ้าเป็นร้านที่ใหญ่ๆ ดังๆ มีประสบการณ์เยอะหน่อย แค่บอกว่าถ่ายรูปติดวีซ่าอเมริการเขาก็จะรู้เลยค่ะ รูปถ่ายขนาด 2*2 นิ้ว พื้นหลังสีขาว ต้องเห็นใบหูนะค่ะ หน้าใหญ่เต็มใบ

2. สแกนรูปถ่ายของเราให้เป็น .jpg นะค่ะ หรือถ้าไม่มีเครื่องสแกนก็ขอไฟล์จากทางร้านก็ได้ค่ะ แต่เขาอาจจะคิดเงินเพิ่ม

3. เตรียมเอกสารที่สำคัญเช่น บัตรประชาชน ทะเบียนบ้านของตัวเอง ชื่อบิดามารดา ที่อยู่และวันเดือนปีเกิดให้พร้อม เพื่อที่จะกรอกข้อมูลลงในแบบฟอร์มการสมัครหรือเรียกกันว่า "DS-160" ทางอินเตอร์เน็ท

4. เมื่อเตรียมความพร้อมทางด้านเอกสารแล้ว ก็เข้าไปในเว็บไซต์นี้เลยค่ะ https://ceac.state.gov/genniv/ หน้าตาจะเป็นแบบนี้นะค่ะ

สังเกตมุมด้านขวามือ เราสามารถเลือกภาษาได้ค่ะ ส่วนเขยิบมาด้านล่างเขาให้ใส่ว่าคุณจะสมัครวีซ่าที่ไหน มีให้เลือก 2 ที่ คือ กรุงเทพ กับเชียงใหม่

5. เมื่อกรอกแบบฟอร์ม DS-160 เรียบร้อยแล้วก็จะได้หมายเลข Confirmation ซึ่งเราสามารถเลือกได้ว่าจะปริ้นตอนนั้นเลยหรือให้ส่งอีเมล์มาให้แล้วค่อยปริ้นทีหลัง ขึ้นอยู่กับว่าตอนนั้นเรามีเครื่องปริ้นหรือเปล่าค่ะ

6. ต่อจากนั้นให้ไปซือ PIN ที่ไปรษณีย์ไทย (จำหน่ายเฉพาะบางสาขาเท่านั้นค่ะ) หรือใครมีบัตรเครดิตก็สามารถซื้อทางเว็บไซต์ https://thailand.us-visaservices.com/forms/default.aspx ได้เลยค่ะ แถมราคาถูกกว่าอีก ราคา USD12 หรือถ้าเป็นเงินไทยก็ประมาณ 384 บาทค่ะ

7. ได้หมายเลข PIN แล้วให้เข้ามาในหน้า https://thailand.us-visaservices.com/Forms/SelfServiceLogin.aspx เพื่อทำการนัดหมายวันสัมภาษณ์ค่ะ แต่ก่อนอื่นต้องลงทะเบียนชื่อผู้เข้าใช้และกำหนดรหัสผ่านก่อนนะค่ะ

8. เมื่อทำการนัดหมายวันสัมภาษณ์เรียบร้อยแล้วก็ให้ปริ้นเอกสารข้อมูลยืนยันการนัดหมายเพราะวันที่ไปสัมภาษณ์ต้องนำเอกสารนี้ไปด้วยค่ะ

9. ชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าที่ไปรษณีย์ไทย (จำหน่ายเฉพาะบางสาขาเท่านั้นค่ะ ให้โทรสอบถามก่อนเดี๋ยวจะไปเสียเที่ยว) ก่อนวันที่จะไปสัมภาษณ์นะค่ะ ห้ามลืมโดยเด็ดขาด

วันสัมภาษณ์

เอกสารที่ห้ามลืม

1. รูปถ่ายที่ถ่ายไว้

2. บัตรประชาชน

3. ทะเบียนบ้าน

4. พาสปอร์ต (มีอายุการใช้งานไม่ต่ำกว่า 6 เดือน)

5. หนังสือรับรองเงินเดือน

6. หนังสือรับรองการทำงาน

7. สมุดบัญชีธนาคาร ย้อนหลัง 6 เดือน

8. จดหมายรับรองจากสปอนเซอร์ (ถ้ามี)

9. ทะเบียนสมรสหรือทะเบียนหย่า (ถ้ามี)

10. ใบเปลี่ยนชื่อ หรือเปลี่ยนนามสกุล (ถ้ามี)

11. หนังสือยืนยันแบบฟอร์ม DS-160

12. เอกสารข้อมูลยืนยันการนัดหมาย

10. ใบเสร็จค่าธรรมเนียมการสมัครวีซ่า (ไปรษณีย์ไทย)

ในกรณีที่มีผู้สปอนเซอร์ เอกสารของผู้สปอนเซอร์มีดังนี้

1. สำเนาบัตรประชาชน

2. สำเนาทะเบียนบ้าน

3. สำเนาบัตรข้าราชการ (ถ้ามี)

4. หนังสือรับรองการทำงาน (ถ้ามี)

5. สำเนาสมุดบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน

6. จดหมายจากสปอนเซอร์ เพื่อบอกถึงความสัมพันธุ์ระหว่างผู้สมัครวีซ่าและสปอนเซอร์

ตัวอย่างหนังสือรับรองการทำงาน

การเตรียมตัวในวันสัมภาษณ์

1. แต่งกายให้สุภาพ

2. ไปถึงก่อนเวลานัดหมายประมาณ 30 นาที

3. นำมือถือไปเครื่องเดียวนะค่ะ (อย่านำไปหลายเครื่องเด็ดขาด เพราะคุณจะต้องเดินหาที่ฝากตามร้านที่ตั้งอยู่นอกสถานฑูตให้วุ่นค่ะ)

4. พกความมั่นใจไปเต็มที่

5. พูดจาฉะฉาน ตอบคำถามให้ตรงกับที่กรอกข้อมูลไว้ใน DS-160

คำถามที่ควรเตรียมตัวตอบ

1. ทำงานอะไร

2. ไปเมืองหรือรัฐไหนของอเมริกา

3. ทำไมถึงอยากไปอเมริกา

4. ไปกับใคร

5. พักที่ไหน

6. ไปกี่วัน

7. มีคนรู้จักในอเมริกาไหม

8. มีลูกไหม

9. เคยไปประเทศไหนมาบ้าง

การเดินทางไปสถานฑูตสหรัฐอเมริกา กรุงเทพ

ขึ้นรถไฟฟ้าแล้วลงที่สถานีเพลินจิต เดินลงไปทางฝั่งโรงแรมโนโวเทลเพลินจิตจะเห็น 7-Eleven อยู่ด้านซ้ายมือ เข้าไปหาอะไรดื่มก่อนก็ได้ค่ะ แล้วเดินลัดไปทางโรงแรมดิโอกุระเพรสทีจ แล้วต่อวินมอเตอร์ไซด์แถวนั้นไปแป็ปเดียวค่ะ

"สุดท้ายนี้ขอให้ทุกคนโชคดีในการขอวีซ่าอเมริกาทุกประเภทเลยนะค่ะ"

ขนมปังผักโขมอบชีส

วันนี้อยากจะกินขนมปังผักโขมอบชีส แต่ขี้เกียจไปทานที่ร้านอาหาร ก็เลยขับรถไปที่แมคโคร ทำง่ายมากค่ะ ไม่ต้องมีเตาอบก็สามารถทำได้ แค่เราใช้ไมโครเวฟแทน มาดูว่าต้องใช้อะไรบ้างนะค่ะ